สิงคโปร์หวังร่วมมืออินโดนีเซียดำเนินคดีบริษัทต้นเหตุไฟป่า
สิงคโปร์หวังร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซียเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนที่เป็นต้นเหตุของไฟป่า ภายใต้กฎหมายหมอกควันพิษข้ามชาติ (Transboundary Haze Pollution Act) ของสิงคโปร์
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศเพิ่งมีปัญหากันเนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้เรียกตัวผู้บริหารบริษัทเอกชนชาวอินโดนีเซียรายหนึ่งเข้าสอบสวนหาข้อเท็จจริง หลังบริษัทดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่าและหมอกควันพิษ ซึ่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยและสุขภาพของประชาชนชาวสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินโดนีเซียออกมาตอบโต้ว่าจะไม่ยินยอมให้ประชาชนของตนเองต้องถูกพิจารณาคดีภายใต้กฎหมายของสิงคโปร์อย่างแน่นอน พร้อมทั้งยังปฏิเสธการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่กระทำผิดต่างๆ อีกด้วย
ตัวแทนรัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า รัฐบาลยังคงต้องการร่วมมือกับอินโดนีเซียในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากจะช่วยให้การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเป็นไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น และย้ำว่าปัญหานี้ไม่ได้กระทบเฉพาะอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แต่ยังส่งผลในวงกว้างถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
แหล่งที่มา: straitstimes.com
สิงคโปร์เผยแผนใหม่รับมือภาวะโลกร้อน
นายโทนี ตัน เค็ง ยัม ประธานาธิบดีสิงคโปร์ เปิดเผยแผนปฏิบัติการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Action Plan) ของสิงคโปร์ โดยวางเป้าหมายสิงคโปร์สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามแผนที่วางไว้ในปี 2568
สิงคโปร์ ซึ่งเพิ่งลงนามในข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Paris climate change agreement) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตั้งเป้าหมายว่าภายใต้ปี 2568 ประเทศจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 36 จากอัตราการปล่อยก๊าซในปี 2548
แผนการฉบับใหม่นี้มุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดในภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังวางแผนรับมือกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนใน 6 ด้าน อาทิ การป้องกันชายฝั่ง การควบคุมระดับน้ำ การส่งเสริมความยั่งยืนของปริมาณอาหารสำรอง เป็นต้น
หนึ่งในโครงการสำคัญของแผนการฉบับนี้ คือการสร้าง Terminal 5 ของสนามบินแห่งชาติชางงีให้สูงกว่าระดับทะเล 5.5 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งยังออกแบบระบบสารสนเทศเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนในการรับมือกับผลกระทบทางร่างกายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับอากาศที่ร้อนจัด
แหล่งที่มา: straitstimes.com